วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สินค้าโอท็อป

ตำเมี่ยงตะไคร้หากจะหารับประทาน ต้นตำรับต้องเดินทางไปถึง อ.นาคู อำเภอเล็กๆ ที่เพิ่งจะยกฐานะจากกิ่งอำเภอเป็นอำเภอของ จ.กาฬสินธุ์ ระยะทางกว่า 75 กิโลเมตร ร้านตำเมี่ยงหลากหลายสไตล์ประมาณ 5 ร้านตั้งเรียงรายอยู่ข้างถนน ทั้งตำเมี่ยงสูตรปลาร้า ตำเมี่ยงสมุนไพรสูตรประยุกต์ แต่ที่คนนิยมคงจะเป็นตำเมี่ยงร้านยายดิว เจ้าของต้นตำรับตำเมี่ยงตะไคร้สมุนไพรที่นำตำเมี่ยงของภูไทมาประยุกต์ให้มีรสชาติถึงใจ ทั้งเค็ม มัน เผ็ด ซึ่งรสชาติที่ว่าถูกอกถูกใจลูกค้าทั่วไปที่ได้ชิมกัน
ร้านยายดิวตั้งอยู่บนไหล่ทางในเขตเทศบาลตำบลนาคู ชื่อของบ้านคือบ้านสายใจ เลขที่ 12 หมู่ 2 เทศบาลตำบลนาคู อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นบ้านของนางขวัญใจ จันทรักษ์ อายุ 59 ปี หรือยายดิว เจ้าของร้านตำเมี่ยงสมุนไพรยายดิว ที่ขึ้นชื่อเป็นที่รู้จักกันดีกับตำเมี่ยงสูตรพิเศษตามตำรับชาวภูไท รู้จักกันมาอย่างยาวนานเกือบ 10 ปี
ยายดิว เล่าประวัติของตำเมี่ยงสมุนไพร หรือเมี่ยงตะไคร้รสชาติแซบในสไตล์ชาวภูไท ว่า ก่อนหน้านั้นตำเมี่ยงตระไคร้จะเป็นอาหารว่างของคนภูไทที่จะตำรับประทานกันในครอบครัว ในหมู่บ้าน เป็นอาหารที่รับประทานได้ทั้งเด็กเล็กจนถึงผู้เฒ่าผู้แก่ หรือเรียกกันว่ารับประทานกันได้ทุกเพศทุกวัย และการรับประทานเมี่ยงตะไคร้ เป็นวัฒนธรรมการบริโภคหนึ่งของกลุ่มชาวภูไท ที่สืบทอดการทำ การปรุงรส และการรับประทานมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ
“ก่อนหน้านั้นก็ตำไปฝากลูกหลานที่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตำเมี่ยงที่ตำเป็นหม้อใหญ่ เพื่อให้ลูกหลานที่ไปทำงานต่างบ้านต่างเมืองได้กินกัน จนกระทั่งมีอาจารย์ที่สอนในพื้นที่มาแนะนำให้ตำขายก็เริ่มขายภายในโรงเรียนก่อน จากนั้นก็เริ่มรู้จักแพร่หลาย โดยเริ่มจากกลุ่มข้าราชการทั้งครู แพทย์พยาบาลก็จะมาซื้อมาสั่งเป็นของฝากบ้าง โดยเริ่มขายจากชุดละ 15 บาท กระทั่งมาตั้งเป็นร้านเพื่อความสะดวกกับลูกค้าและเพื่อนบ้าน”
การตำเมี่ยงสูตรของยายดิว สูตรเด็ดจะอยู่ที่ปลาร้าที่จะต้องเป็นปลาร้านำเข้า ที่จะมีกลิ่นหอม รสชาติดี และเครื่องปรุงต้องสดใหม่ทุกวัน ทั้งตะไคร้ก็ต้องเป็นตะไคร้อายุไม่เกิน 6 เดือน พริกป่นก็ต้องคั่วพริกตำกันสดๆ งา และถั่วลิสงก็เช่นกัน ส่วนการปรุงนั้นยายดิวบอกว่าจะต้องมีเคล็ดลับทั้งการตำที่จะต้องใช้ครกใหญ่ สากขนาดใหญ่ตำให้เครื่องปรุงที่มีทั้งน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย เกลือป่น ให้เข้ากันกับตะไคร้ พริกป่น งา ถั่วลิสงจนเป็นเนื้อเดียวกัน พร้อมที่จะเสิร์ฟกับเครื่องเคียงที่เป็นพืชผักอย่างถั่วฟักยาว กระถิน มะเขือ และที่ขาดไม่ได้คือมะเดื่อ
ยายดิว บอกว่า ในช่วงเทศกาลทั้งปีใหม่ สงกรานต์ งานประเพณี งานบุญต่างๆ เมี่ยงสมุนไพรจะขายดีมาก ทั้งซื้อกินกันเอง และซื้อเป็นของฝากถึงขนาดขายในราคาชุดละ 25 บาท วันหนึ่งขายได้มากถึง 400 ชุดเป็นเงินกว่า 10,000 บาท ส่วนในวันปกติรายได้จะอยู่ที่ 100 ชุดเป็นอย่างน้อย หรือรายได้วันละ 2,500-3,000 บาททีเดียว และสำหรับตะไคร้สดๆ ที่จะต้องนำมาหั่นเป็นตัวหลัก แต่ละวันใช้มากถึง 25-30 กิโลกรัม โดยจะรับซื้อจากชาวบ้านในหมู่บ้านเท่านั้นในกิโลกรัม 8 บาท ที่สำคัญตำเมี่ยงสูตรยายดิวจะขายเฉพาะที่ร้านเท่านั้นและไม่ยอมเผยแพร่ขอสงวนให้ลูกให้หลานในเครือญาติเท่านั้น
“ถ้าได้มาที่ จ.กาฬสินธุ์ และแวะมาที่นาคู ใครที่ไม่ได้ชิมตำเมี่ยงก็ยังถือว่ามาไม่ถึง อ.นาคู เพราะตำเมี่ยงตะไคร้ถือว่าเป็นสุดยอดอาหารขึ้นชื่อ สามารถที่จะซื้อเป็นของฝากได้ ซึ่งที่นี่ก็จะนิยมซื้อส่งไปให้ลูกหลานที่ทำงานต่างถิ่นอยู่แล้ว ส่วนการรับประทานนั้น ตำเมี่ยงตะไคร้ถือเป็นอาหารเพื่อสุขภาพของแท้ สูตรชาวภูไททำให้สุขภาพแข็งแรง พร้อมกับผิวพรรณสดใสด้วยสรรพคุณของตะไคร้ และหากมาถึงที่ อ.นาคู แล้วที่ท่องเที่ยวที่อยากจะแนะนำคือสนามบินเสรีไทย รอยเท้าไดโนเสาร์ และชิมข้าวโพดหวาน

สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางมาเที่ยวและชิมตำเมี่ยงตะไคร้สด สูตรชาวภูไท อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ สามารถเดินทางมาได้ที่ จ.กาฬสินธุ์ และมุ่งหน้าไปยัง อ.นาคูระยะทางเพียง 75 กิโลเมตร หรือจะประสานไปที่ เทศบาลตำบลนาคู ที่ว่าการ อ.นาคู ในวันเวลาราชการ แต่ถ้าสนใจและจะเดินทางมาชิมเองร้านตำเมี่ยงไม่มีวันหยุดมาชิมได้ทุกวัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น